Healthy Juice Therapy Health ใช้ผ้าอนามัยอย่างไรให้ปลอดภัยกับจุดซ่อนเร้น

ใช้ผ้าอนามัยอย่างไรให้ปลอดภัยกับจุดซ่อนเร้น

ผ้าอนามัย

สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องเจอเมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมและสมควรนั่นคือ ประจำเดือน ซึ่งเป็นเลือดและเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นทุก 21-35 วัน แต่ละรอบจะอยู่นาน 3-7 วัน การที่เราต้องมีการสร้างเนื้อเยื่อโพรงมดลูกใหม่เสมอก็เพื่อให้พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน จึงทำให้เกิดวงโคจรของประจำเดือนแบบนี้ขึ้นมา ซึ่งก็จะขึ้นๆ ลงๆ ตามระดับของฮอร์โมนเพศด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญในช่วงมีประจำเดือนคือการสวมใส่ผ้าอนามัย ซึ่งหลายคนก็ยังไม่รู้ถึงวิธีใส่ที่จะปลอดภัยกับจุดซ่อนเร้น โดยเฉพาะเด็กๆสาวๆ ที่กำลังจะเป็นประจำเดือน วันนี้เรามาดูวิธีการใช้ผ้าอนามัยอย่างไรให้ปลอดภัยกับจุดซ่อนเร้นกันเลยดีกว่า

เปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 6 ชั่วโมง

เป็นเรื่องปกติที่จุดซ่อนเร้นของเราจะเกิดการอับชื้น ยิ่งถ้ามีการใส่ผ้าอนามัยและเลือดประจำเดือนก็ยิ่งทำให้อับชื้นขึ้นไปอีก เพื่อลดการก่อให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นสาว ๆ จึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 6 ชั่วโมง หรือหากประจำเดือนมามากก็ต้องเปลี่ยนให้บ่อยกว่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอาการผดผื่นคัน อาการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ และโรคติดเชื้อทางช่องคลอดได้

เลือกผ้าอนามัยให้เหมาะกับตัวเรา

แน่นอนว่าทุกๆ นั้นมีปริมาณประจำเดือนที่แตกต่างกัน บางคนมามาก บางคนมาน้อย หรือบางคนอาจจะมามากแค่ในช่วงแรก ดังนั้นจึงควรเลือกผ้าอนามัยที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่พบกับปัญหาซึมเปื้อน ที่สำคัญต้องส่วมใส่แล้วรู้สึกสบายตัวด้วย

เมื่อพบว่ามีผดผื่นหลังจากากรใส่ผ้าอนามัยก็ให้รีบดูแลรักษา

เพราะว่าในช่วงที่เป็นประจำเดือนนั้นบริเวณจุดซ่อนเร้นของเรานั้นจะอับชื้นเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้เกิดผดผื่นได้ บ้างก็เกิดจากการแพ้ผ้าอนามัย หรือเกิดจากการหมักหมมของเชื้อโรค ดังนั้นถ้าหากมีผดผื่นขึ้น ควรรีบรักษาด้วยการทาครีมแอนตี้เซปติกเพื่อให้ผดผื่นลดลง นอกจากนี้หากเกิดจากการแพ้ผ้าอนามัยก็ควรเปลี่ยนยี่ห้อ หรือถ้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียก็ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ

ห่อผ้าอนามัยทุกครั้งก่อนทิ้ง

หากคุณทิ้งผ้าอนามัยอย่างมักง่าย ไม่ห่อกระดาษและทิ้งขยะให้ถูกที่ถูกทาง แน่นอนว่าก็ไม่ต่างจากการทำลายสภาพแวดล้อมทางอ้อม อีกทั้งยังจะกลายเป็นมือดีที่ปล่อยเชื้อโรคสู่สาธารณะอีกต่างหาก นอกจากนี้สาว ๆ ที่ชอบทิ้งผ้าอนามัยลงในโถชักโครก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ส้วมอุดตัน

พกผ้าอนามัยติดตัวไว้เสมอ 

ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนหรือไม่ การพกผ้าอนามัยไว้ก่อนก็ถือว่าเป็นวิธีที่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงที่เป็นประจำเดือน ยิ่งควรพกผ้าอนามัยไว้ให้เพียงพอต่อการเปลี่ยนในแต่ละวัน เพื่อสุขอนามัยที่ดี

อยากได้ผ้าอนามัยแบบยกแพ็คไปต้องไปเลือกซื้อให้ลำบาก ก็สามารถสั่งซื้อได้เลยที่ LAZADA เพราะผ้าอนามัยเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องใช้กันอยู่แล้ว มีไว้ติดห้องก็ไม่เสียหายหรอก

Related Post

อาหารเสริม

อาหารเสริมเพิ่มความขาวมีจริงหรือไม่ มีอันตรายต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด?อาหารเสริมเพิ่มความขาวมีจริงหรือไม่ มีอันตรายต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด?

ในปัจจุบันนอกจากหลาย ๆ คนเริ่มหันมาสนใจดูแลสุขภาพและร่างกายของตนเองกันมากยิ่งขึ้นแล้ว บางคนก็เริ่มมองหาอาหารเสริมเพิ่มความขาวให้แก่ตนเอง และในท้องตลาดสมัยนี้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มความขาวที่อวดอ้างสรรพคุณกันอยู่มากมาย แต่ก่อนที่จะเลือกซื้อควรพิจารณาสารอาหารที่สำคัญในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เสียก่อน ว่าจะส่งผลดีและมีประโยชน์ต่อผิวจริงหรือไม่  และควรศึกษาในเรื่องของการส่งผลกระทบต่อร่างกายด้วยเช่นกัน เพราะบางผลิตภัณฑ์นอกจากจะไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อร่างกายได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นหากใครต้องการมีผิวขาวกระจ่างใสด้วยอาหารเสริม ไปดูกันเลยว่าควรรับประทานอาหารเสริมประเภทใดบ้าง ประเภทของอาหารเสริมเพิ่มความขาว ที่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย 1. วิตามินซี: วิตามินซีถือเป็นอาหารเสริมเพิ่มความขาวกระจ่างใสให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี เพราะในวิตามินซีจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก จึงได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นอาหารเสริม ทั้งแบบที่เป็นวิตามินซีล้วน หรือผสมกับสารอาหารบำรุงผิวประเภทอื่น ๆ  ซึ่งจากผลวิจัยได้บอกว่า วิตามินซีและอนุพันธ์ของวิตามินซี จะช่วยลดการสังเคราะห์เม็ดสีผิวได้ และจำไปช่วยลดการทำงานของเอนไซท์ไทโรซิเนส ที่เป็นเอมไซม์ในการสร้างเม็ดสีผิวหรือเมลานินนั่นเอง เพราะฉะนั้นวิตามินซีจึงเป็นที่นิยมใช้เป็นสารลดการสร้างเม็ดสี

อาหารแปรรูป

ห้ามพลาด ประเภทของอาหารแปรรูปที่ดีต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง?ห้ามพลาด ประเภทของอาหารแปรรูปที่ดีต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง?

ถือเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การรับประทานอาหารแปรรูปเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าการรับประทานอาหารแปรรูปไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายเท่าไหร่นัก แถมหลายคนยังมองว่าเป็นตัวทำลายสุขภาพอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามอาหารแปรรูปไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายทุกชนิด แต่จะมีเพียงแค่บางชนิดเท่านั้นที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้ ดังนั้นในส่วนนี้ก่อนรับประทานอาหารแปรรูป ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่าอาหารแปรรูปชนิดใดส่งผลดีต่อร่างกายได้มากที่สุด อาหารแปรรูปชนิดดี มีอะไรบ้าง? ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารแปรรูปกันเสียก่อน ซึ่งอาหารแปรรูปจะเป็นอาหารที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตต่าง ๆ จนส่งผลให้มีสภาพตามธรรมชาติเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งการแปรรูปอาหารนั้นจะมีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยในการรับประทาน รวมทั้งในเรื่องของการเก็บรักษาด้วยเช่นกัน และอาหารแปรรูปไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายเสมอไป จะมีอาหารแปรรูปบางชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ทุกคนจะเห็นได้เลยว่าการรับประทานอาหารแช่แข็งไม่ได้มีแต่ชนิดที่ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างเดียวเท่านั้น เพราะอาหารแช่แข็งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายยังมีอีกมากมาย เพียงแต่จะต้องเลือกรับประทานอาหารแข่งแข็งประเภทที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งมากเท่าไหร่นัก เพื่อที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายได้มากที่สุด อีกทั้งการเลือกทานอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากอาหารเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน

เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการผ่าต้อกระจกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการผ่าต้อกระจก

อาจจะกล่าวได้ว่าการผ่าต้อกระจกถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้มาก่อนว่าการผ่าตัดต้อกระจกนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยจำนวนมาก และรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ต้องการเตรียมตัวผ่าต้อกระจกควรศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อน โดยเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการผ่าต้อกระจกนั้นมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมๆ กัน  1.สาเหตุที่ทำให้เกิดต้อกระจก  หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสาเหตุของต้อกระจก นั้นก็มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น บางคนมีอายุมากกว่า 50 ปี ก็มีสิทธิ์ที่จะป่วยด้วยโรคต้อกระจกได้ นอกจากนี้ยังอาจจะมีสาเหตุคือยาสเตียรอยด์ โดยคนที่มีโอกาสจะต้องรับยานี้ได้แก่โรคภูมิแพ้ รวมไปถึงคนที่กินยาลูกกลอน ยาสมุนไพร อาหารเสริม ซึ่งอาจจะมีส่วนประกอบของสเตียรอยด์ได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังอาจมีอุบัติเหตุทางสายตา และแสงยูวี เป็นต้น  2.ผลแทรกซ้อน  สำหรับอาการของโรคต้อกระจกนั้นส่วนมากแล้วจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และมีผลแทรกซ้อนน้อยมาก แต่อย่างไรก็ดีอาจจะมีภาวะหนึ่งที่เกิดอันตราย ได้แก่ภาวะต้อหินที่จะมาแทรกซ้อนโรคต้อกระจกนั่นเอง